วิกฤติครั้งนี้ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ถือเป็นวิกฤติที่รุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลายๆ ประเทศประกาศตัวเลข GDP สำหรับไตรมาส 2 ที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่มีการเก็บตัวเลขกันมา คนที่เล่นคาสิโน168ออนไลน์ก็ลดลง ทำให้มีการออกมาตรการต่างๆ ทุกวิถีทางขึ้นมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงอย่างมากด้วย ดอกเบี้ยถูกปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงศูนย์ และยืนยันว่าดอกเบี้ยจะต่ำไปอีกนาน รวมมาตรผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก็ถูกนำกลับมาใช้ในหลายประเทศ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเรียกความมั่นใจกลับคืนมา อย่างไรก็ตามปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบนี้ ทำให้หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายการเงินเอง มีความกังวลใจต่อพฤติกรรมหาประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยต่ำ (Search for yield) ซึ่งสร้างความเสี่ยงหรือกระทบต่อเสถียรภาพในอนาคต
จริงๆ หากพิจารณาเรื่องการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) นั้น ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำลง มันคงจะดูไม่สมเหตุสมผลที่จะยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำลง โดยไม่ทำอะไรกับพอร์ตการลงทุน ทฤษฎีการจัดสรรเงินลงทุนจะแนะนำว่าคนส่วนใหญ่น่าจะต้องผสมสินทรัพย์ที่เสี่ยงเพิ่มเข้ามาในพอร์ตมากขึ้นอยู่แล้ว การผสมสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง จะทำให้ผลตอบแทนคาดหวังของพอร์ตสูงขึ้นได้บ้าง (แต่ก็คงไม่เท่าเดิม) แม้ว่าจะไม่ได้ “สบายใจ” กับพอร์ตใหม่นี้เท่าใดนัก เพราะมันเสี่ยงขึ้น แต่ก็น่าจะ “สบายใจ” กว่าที่จะถือพอร์ตเดิมและรับผลตอบแทนที่ต่ำลงมาก แต่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของพอร์ตการลงทุนนั้น จำเป็นต้องอยู่ภายในกรอบที่สมเหตุสมผล คือ เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ และความต้องการใช้เงิน (ที่สมเหตุสมผล) ในระยะยาว ไม่ใช่ว่าในภาวะปรกติเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เคยลงทุนหุ้นอยู่ครึ่งนึงของพอร์ต และก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้เงินในอนาคต
แน่นอนว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ได้หมายความว่าควรจะกลัวหรือถูกขู่ให้กลัวความเสี่ยงนั้น แต่ควรจะหาความรู้ว่าจะรับมือกับมันอย่างไรเสียมากกว่า การติดตามสถานการณ์ และประเมินแนวโน้มการลงทุนระยะยาว รวมถึงการศึกษาเข้าใจการลงทุนว่ามีความเสี่ยงใดบ้าง (ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านราคาเท่านั้น แต่เป็นความเสี่ยงด้านอื่นด้วย) มีการกระจายการลงทุนที่เพียงพอเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม เหล่านี้ก็สามารถช่วยให้รับมือกับความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม อย่างการติดตามพอร์ตการลงทุน และการปรับน้ำหนักการลงทุนปัจจุบันกลับมาสู่ระดับที่เหมาะสม (Rebalance) ก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาได้เช่นกัน